เงินเดือน 2 ปีแรกขอใช้ให้พอใจ แล้วปีที่ 3 ค่อยเก็บ

ตามหัวข้อกระทู้เป็นความคิดของ จขกท เมื่อเรียนจบและเริ่มทำงานใหม่ ๆ
คิดไว้ว่าขอใช้เงิน 2 ปี แล้วปีที่ 3 เป็นต้นไปค่อยเก็บเงิน แล้วให้พ่อกับแม่……..

หลังจากได้เงินเดือน ๆ แรกมา อะไรที่อยากได้ซื้อหมด เหลือแค่เงินพอใช้ทั้งเดือนไม่เหลือเก็บ
หาก เดือนไหนที่บ้านต้องใช้เงิน เนื่องจากน้องยังเรียนมหาลัยอยู่ ก็ส่งให้บ้างแต่ไม่ทุกเดือน
ทำแบบนี้ได้ 1 ปี……..

เย็นวัน หนึ่งแม่โทรมาเล่าว่า……” วันนี้แม่ไปหาหมอมา หมอบอกว่าแม่เป็นซีสต์ที่เต้านม หมอนัดผ่าตัด.นะ “
วันไหนจำไม่ได้แล้ว เราก็เป็นห่วงแม่แต่ก็ไม่ได้คิดไรมากเพราะซีสต์ใคร ๆ ก็เป็นและรักษาได้
พอ วันผ่าตัดก็โทรไป แม่ก็บอกว่า “ ไม่เป็นไร แม่หายแล้ว หมอนัดให้ไปดูอาการอีกที”
หลังจากนั้นไม่นานแม่ก็ต้องไปตามที่หมอนัด ตกเย็นพ่อก็โทรมาว่า
“หมอพบอาการผิดปกติ หมอตัดชิ้นเนื้อแม่ไปตรวจอีกที รอฟังผลอยู่”
เราก็เริ่มรู้สึกไม่ดีแล้ว แต่ก็ยังลุ้น ๆ ว่าไม่น่าจะมีอะไรหรอก
พอวันที่ไปฟังผลตรวจ เราก็โทรไปหาพ่อ “พ่อ เป็นยังบ้าง อาการแม่เป็นยังไงบ้าง”
“ หมอบอกว่าแม่เป็นมะเร็งเต้านม ต้องรักษาทันที “ แค่จบประโยคนี้เหมือนเราจะหูอื้อขึ้นมาทันที
ไม่ได้ยิน อะไรต่อจากนี้เลย น้ำตาก็ไหลพรากทันที …………..
หลังจากนั้นทั้งพ่อและแม่ ก็ต้องหยุดทำงาน แม่ต้องรักษาตัว พ่อก็ต้องคอยดูแลแม่ตลอด เงินที่พ่อกับแม่มีอยู่ก็ไม่พอ
ประกันสุขภาพก็ไม่ได้ทำ น้องก็ต้องใช้เงินเรียนหนังสือ
ช่วงนั่นเราเป็นตัวหลักของบ้าน ประหยัดมาก ๆ มีเท่าไหร่ต้องส่งให้พ่อกับแม่ เป็นค่าใช้จ่าย และอยากให้แม่กินแต่ของดี ๆ
แต่ก็ยังไม่พออยู่ดี บางเดือนต้องยืมเงินแฟนบ้าง คิดในใจว่าถ้า 1 ปีแรกหากเก็บเงินบ้าง คงจะดีกว่านี้………….
หลังจากรักษาอยู่นาน จนต้องตัดเต้านมออกไป เคมีบำบัดแล้ว ฉายรังสีแล้ว หายแล้ว ทุกคนก็โล่งใจขึ้น เราก็ดีใจมากที่แม่จะหายแล้ว
พอหมอนัดไปตรวจอีกครั้ง หมอส่งตัวแม่ไปที่ศูนย์มะเร็งอุบลราชธานี
หลังจากไปตรวจที่ศูนย์มะเร็ง พ่อก็โทรมาบอกว่า “แม่เป็นมะเร็งตับ “
โลกเหมือนจะพังทลายอีกครั้ง เราฟังพ่อแบบนิ่ง ๆ ไม่พูดอะไรเลย น้ำตาไหลออกมาทันที …………

คราวนี้ค่ารักษาไม่ใช่น้อยเลย และต้องทำเคมีบำบัดอีก ต้องไปถึงอุบลฯ
แม่ก็เหนื่อย ค่าใช้จ่ายก็เยอะ เรามึนไปหมดว่าจะเอาเงินจากไหน แต่ก็จะทำทุกอย่าง
ตัดสินใจให้พ่อเอา ที่ดินที่บ้านไปจำนองกับธนาคาร ได้เงินมาก้อนหนึ่ง ก็เริ่มทำการรักษา
ช่วง นั้นกลับบ้านบ่อยมาก เห็นแม่แล้วพยายามไม่ร้องให้ต่อหน้าแม่ แต่พอตอนอยู่คนเดียวร้องให้ตลอด
รักษาไปซักพัก แม่ไม่ไหว แม่บอกว่าแม่ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว แม่เหนื่อยแล้ว
เราก็พูดทุกอย่าง ทุกทาง อยากให้แม่รักษาต่อ แต่แม่ก็ไม่ยอม บอกว่าขออยู่ที่บ้านนะ ไม่อยากทรมานเหมือนที่ผ่านมา
เราก็คุยกับพ่อ พ่อก็เห็นด้วยที่จะให้แม่หยุดการรักษา อาจเป็นเพราะพ่อเองเห็นตอนที่แม่ทรมานหลังจากฉีดยาตลอด
พ่อคงรู้สึก สงสารแม่เหมือนกัน เราจึงต้องตัดสินใจให้แม่หยุดการรักษาแม่ก็อยู่บ้าน
เงิน ที่มีอยู่เราก็เริ่มจะไม่พอ จากที่พ่อแม่มีรายได้ พ่อแม่ส่งน้องเรียน
กลาย มาเป็นเราต้องส่งให้พ่อแม่ ต้องส่งน้องเรียน เงินเดือนคนที่เริ่มทำงานไม่กี่ปีหมื่นกว่าบาท ไม่พอแน่นอน
เราประหยัด มาก หาอะไรทำทุกอย่าง เพิ่มเงินมาได้ไม่กี่ร้อยกี่พันทำหมด
ช่วงนั้นเรา โทรกลับบ้านวันหนึ่งหลายรอบ วันหนึ่งกลางดึกมีโทรศัพท์ที่บ้านโทรมา เราตื่นมารับแบบใจเต้นแรงมาก
พ่อบอกว่าแม่อาการแย่มาก แม่เจ็บมากพ่อต้องไปรับพยาบาลมีฉีดยากลางดึก เราไม่รู้จะบรรยายยังไง…..มัน ….เจ็บมากจริง ๆ….
หลังจากนั้น รู้สึกกลัวที่จะได้ยินเสียงโทรศัพท์ตอนกลางคืน และแล้ววันนั้นก็มาถึง……..
ประมาณตีหนึ่งกว่าได้ซึ่งเราก็นอนแล้ว พ่อก็โทรมาบอกสิ่งที่เราไม่ต้องการฟังมากที่สุด…………..
…….. ถึงเวลาแล้วสินะ……………
เช้าวันรุ่งขึ้นเรากลับบ้านไปจัดงานศพ แม่…………………………………………..
…………………………………………………………………………………
บ้าน ใหม่ที่จะสร้างให้ก็ยังไม่มี ของดี ๆ ที่จะซื้อให้ก็ยังไม่ได้ให้ พาไปเที่ยวที่ไหนก็ยังไม่ได้พาไป
อีกหลาย ๆ อย่างที่ไม่ได้ทำให้……………………..
ตอนนี้น้องเรียนจบ บ้านสร้างเสร็จ ใช้หนี้หมด มีเงินเก็บ แต่ไม่มีแม่แล้ว…………….
…………………………………………………………………………………
ไม่ เป็นไร คนที่ยังอยู่กับเราก็มี ทุกวันนี้ไม่อยากได้ อยากใช้อะไรมากเลย เก็บเงินไว้ตลอด
ทุก ๆ เดือนที่เงินเพิ่มขึ้นเป็นสิ่งประกันอนาคตว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา คนที่เรารัก จะไม่ลำบากแน่นอน
เวลาได้ให้อะไรกับพ่อกับน้อง จะรู้สึกมีความสุขมากกว่าให้กับตัวเองหลายเท่านัก …………….

เรื่องผ่านไปหลายปีแล้ว ที่มาเล่าให้ฟังเพียงจะบอกว่า …………………………

การอดออมรอไม่ได้…ให้รีบทำตั้งแต่วันนี้…เพราะเราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิด อะไรขึ้น
เราไม่ได้มีชีวิตอยู่ด้วยการใช้ชีวิตไปวัน ๆ มีเงินใช้ไปวัน ๆ เที่ยวไปวัน ๆ
เรามีชีวิตอยู่เพื่อคนที่รักเราอีกหลายคน เพราะคนเหล่านั้นก็มีชีวิตอยู่เพื่อเราเช่นกัน
เรามีคนที่รักเราและเรา ก็รักเขา การอดออม เก็บเงินเป็นหลักประกันว่า
หากเราเป็นอะไรไป คนที่เรารักจะไม่ลำบากแน่นอน
และอนาคตเราเองก็จะไม่ลำบากเช่นกัน ……………………………………………………..
มีเยอะ ใช้เยอะ เก็บเยอะ มีน้อย ใช้น้อย เก็บน้อย ………….แต่ต้องมีเก็บ………..

…………………………………………..

Credit : คุณ ขาหมู (Ooh 1234) Pantip ห้องสินธร

Runner. Investor. Father.