ผลการตรวจน้ำหมักชีวภาพ น้ำมหาบำบัดและน้ำเจียรนัยเพชร ผลิตภัณฑ์ป้าเช็ง จากห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา นพ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และนพ.นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รายงานว่า น้ำหมักชีวภาพป้าเช็งที่ปรากฏเป็นข่าวในขณะนี้ จากผลการตรวจสอบน้ำมหาบำบัด ชนิดรับประทาน ราคาขวดละ 1,000 บาท โดยเกณฑ์มาตรฐานของกรณียาสมุนไพร จะต้องไม่มีเชื้อโรคปนเปื้อน และไม่มีแบคทีเรียบางชนิดปนเปื้อนอย่างเด็ดขาด ถือเป็นเกณฑ์ที่สำคัญ แต่ผลการวิเคราะห์พบว่า
- มีค่าความเป็นกรดสูงมาก
- ไม่พบตัวยา ทั้งแผนปัจจุบันและตัวยาสมุนไพรที่มีผลต่อการรักษา
- พบแบคทีเรียที่เป็นอันตรายปนเปื้อนอยู่ ได้แก่ คลอสทริเดียม เพอร์ฟรินเจนส์ (Clostridium perfringens) ซึ่งแบคทีเรียชนิดนี้หากรับประทานเข้าไป จะส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย คล้ายอาหารเป็นพิษภายใน 48 ชั่วโมง หากปนเปื้อนในบาดแผลอาจทำให้แผลเน่าได้
ฉะนั้น น้ำมหาบำบัดถือว่ามีการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียชนิดที่ห้ามปนเปื้อนในยา เด็ดขาด
สำหรับกรณียาหยอดตา โดยมาตรฐานจะต้องมีหลักเกณฑ์ คือ
- ปราศจากเชื้อโรค แบคทีเรีย และเชื้อรา
- จะต้องมีค่าความเป็นกรดด่างหรือค่าพี เอช (pH : Potential of Hydrogen ion) ในปริมาณที่เหมาะสมคืออยู่ระหว่าง 5.5-7.6
- จะต้องมีตัวยาที่มีประสิทธิภาพต่อการรักษาและไม่เป็นอันตราย
สำหรับน้ำเจียรนัยเพชร ที่ใช้หยอดตา ราคาขวดละ 100 บาทนั้น ผลการวิเคราะห์พบว่า
- มีค่าความเป็นกรดสูงเกินค่ามาตรฐานที่จะใช้หยอดตาที่อนุญาตตามกฎหมาย พบค่าพีเอช 3.15 ซึ่งเป็นกรดสูงกว่ามาตรฐาน
- ไม่พบตัวยาที่มีผลต่อการรักษา ทั้งตัวยาแผนปัจจุบันและตัวยาสมุนไพร
- พบเชื้อแบคทีเรีย 2 ชนิด ได้แก่ คลอสทริเดียม เพอร์ฟรินเจนส์ (Clostridium perfringens) และบาซิลลัส พูมิลุส (Bacillus pumilus)
- พบเชื้อราปนเปื้อน
ฉะนั้นหากนำไปหยอดตา ผู้เชี่ยวชาญรายงานว่าจะเหมือนนำกรดหรือน้ำส้มสายชูไปหยอดตา และมีเชื้อโรคและเชื้อราปนเปื้อนอยู่ด้วย อาจมีผลกระทบต่อกระจกตา ซึ่งหากมีแผลอยู่แล้วอาจเกิดการติดเชื้อตามมา และหากติดเชื้อรุนแรงอาจถึงขั้นตาบอดได้