ลงทุนแบบรอจังหวะ VS ลงทุนตลอดเวลา (timing the market VS time in the market)

เป็นที่ถกเถียงกันมากว่า ลงทุนแบบรอจังหวะ (timing the market) หรือ ลงทุนแบบตลอดเวลา (time in the market) แบบไหนดีกว่ากัน

โดยธรรมชาติ มนุษย์มีสัญชาตญาณในการเอาชนะ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมนักลงทุนส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ ชอบที่จะลงทุนแบบจับจังหวะตลาด เพราะคิดว่าตนเองมีความสามารถ ในการที่จะเอาชนะตลาด เอาชนะนักลงทุนคนอื่นๆ

แต่จากสถิติ ไม่เคยมีนักเศรษฐศาสตร์ หรือนักการเงินคนไหน ที่สามารถทำนายการขึ้น/ลง ของตลาดหุ้นใดๆ ได้อย่างแม่นยำแม้แต่คนเดียว ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการกองทุนระดับโลก หรือแม้แต่นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล ก็ตาม

กองทุนหุ้นมากมายที่เลือกที่จะลงทุนแบบจับจังหวะตลาด เพื่อเอาชนะผลตอบแทนค่าเฉลี่ย แต่สุดท้ายกลับพ่ายแพ้ให้แก่กองทุนธรรมดาๆ ที่เลือกที่จะลงทุนแบบ passive (index fund ที่มีการลงทุนแบบตลอดเวลา)

ส่วนหนึ่งที่เป็นเช่นนี้ เพราะ การลงทุนแบบรอจังหวะ เสียโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทน ระหว่างที่รอเข้าซื้อหุ้น ซึ่งบางครั้งกินเวลาเป็นปี หรือหลายๆ ปี ส่วนการลงทุนแบบตลอดเวลา ได้รับผลตอบแทนอยู่ตลอดเวลาในอัตราทบต้นทุกๆ ปี ผลตอบแทนต่อปีอาจจะดูไม่มาก เมื่อเทียบกับการซื้อถูก ขายแพง แต่ถ้าตลาดหุ้นไม่ crash เป็นเวลาหลายๆ ปี ติดๆ กัน ผลตอบแทนที่ดูน้อยนิด จะสะสมทบทวีคูณ เป็นผลตอบแทนที่มากกว่าการจับจังหวะเข้าออกมหาศาล (exponential return)

และเมื่อเกิด market correction หรือช่วงตลาดปรับตัวลง นักลงทุนที่รอจังหวะเข้าซื้อ บ้างก็รีบซื้อทันที บ้างก็รอจังหวะต่อ ด้วยหวังว่าหุ้นมันจะลงต่อไปอีก ผ่านไปไม่กี่วัน ตลาดหุ้นกลับดีดตัวขึ้นอย่างแรง และไม่กลับลงไปที่จุดต่ำสุดเดิมอีกเลย กลุ่มที่รีบซื้อก็ถือว่าโชคดีไป แต่กลุ่มที่รอให้ลงไปอีกหน่อย กลับพลาดโอกาสรอบนี้ไป และต้องรอไปอีกไม่รู้กี่เดือน กี่ปี ถึงจะมีจังหวะเข้าซื้อหุ้นอีกครั้ง

พวกที่ซื้อทันตอนเกิด market correction ก็ไม่ใช่ว่าจะซื้อได้ต่ำสุด บ้างก็ซื้อได้ตอนราคาลงมาครึ่งเดียว พอซื้อเสร็จ หุ้นดันลงไปอีกเท่าตัวก็มี แล้วพอจะจับจังหวะขาย บ้างก็รีบขายเกินไป บ้างก็รอจังหวะขายที่จุดสูงสุด แต่พอถึงจุดสูงสุด ดันคิดว่ามันจะขึ้นต่อได้อีก แต่กลายเป็นหุ้นปรับตัวลงมา ทำให้ขายได้ต่ำกว่าที่คิดไว้

ถ้าจะเปรียบเทียบ ก็คงเทียบได้กับการวิ่งมาราธอน คนที่นั่งๆ นอนๆ รอเวลา แล้วจู่ๆ ก็วิ่งเร็วสุดชีวิต พอเหนื่อยก็นั่งๆ นอนๆ ต่อ ไม่มีทางที่จะเอาชนะนั่งวิ่งที่วิ่งอย่างสม่ำเสมอ ตลอดเวลา

Peter Lynch กล่าวไว้น่าสนใจว่า

20 Insights from Peter Lynch

“คนเราใช้เวลามากมายเพื่อจับจังหวะตลาด เมื่อไหร่ควรซื้อ เมื่อไหร่ควรขาย ซึ่งเป็นการเสียเวลาสิ้นดี จากการศึกษา มันไม่เป็นอย่างที่เราๆ คิดกัน

ในช่วงปี 1965 – 1995 ถ้าคุณลงทุนด้วยเงิน 1,000 ดอลล่าร์ ในวันที่ดีที่สุด เวลาที่ดีที่สุด ที่หุ้นมีราคาต่ำที่สุดของปี ผ่านไป 30 ปี คุณจะได้รับผลตอบแทนแบบทบต้น 11.7%

ทีนี้สมมุติว่าคุณเป็นไอ้โชคร้าย ลงทุนผิดที่ผิดเวลา กล่าวคือ คุณซื้อหุ้นในจังหวะที่แพงที่สุดของปี ทุกปีซื้อแพงสุดตลอด ผ่านไป 30 ปี ผลตอบแทนทบต้นคุณ จะอยู่ที่ 10.6%

ส่วนถ้าคุณไม่ได้ทำอะไรมาก ลงทุนวันแรกของปี ในทุกๆ ปี ผลตอบแทนทบต้นของคุณ จะเท่ากับ 11%

มันแทบจะไม่แตกต่างกันเลย แต่คนเราก็ยังจะยอมเสียเวลา เสียพลังงาน ไปกับการจับจังหวะตลาด มันไม่คุ้มเอาซะเลย”

ขอปิดท้ายบทความด้วยคำกล่าวของ Warren Buffett ตำนานแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

Warren-Buffett

“I have never known anyone who could consistently time the market. And in fact I’ve never known anyone who knows anyone, who was able to consistently time the market.”

Runner. Investor. Father.