ios_vs_android

ประสบการณ์ย้ายจาก iOS มา Android

ใช้  iPhone 4 มาได้ 3 ปีกว่า ได้ฤกษ์เปลี่ยนมือถือ ตอนแรกคิดๆ อยู่ว่าจะใช้ไปอีกซักปี ค่อยเปลี่ยนเป็น iPhone 6 (ตอนนั้น iPhone 5s เพิ่งออกได้ไม่นาน ซึ่งสเป็คต่างๆ ดูแล้วไม่ได้น่าสนใจเท่าไหร่) แต่เนื่องจาก iOS 7.0.4 มีบั๊กภาษาไทย ซึ่งทำให้การใช้งานภาษาไทยหน่วงมาก บางทีโหลดหน้าเว็บที่มีภาษาไทยเยอะๆ ใช้เวลามากกว่า 3-5 นาที (เห็นว่า iOS 7.1 Beta ที่ออกมา แก้ปัญหานี้แล้ว)

ใครที่มีครอบครัว มีลูกเล็กๆ จะรู้ว่าแทบไม่มีเวลาทำอะไรเลย (ถ้าไม่มีพี่เลี้ยง หรือปู่-ย่า ตา-ยาย ช่วยเลี้ยง) แค่จะอาบน้ำซัก 15-20 นาที ยังหาเวลาไม่ค่อยจะได้ แถมเวลาพักผ่อนก็ค่อนข้างน้อย เวลาจะเช็คงาน หรืออ่านบทความในมือถือ ถ้าบั๊กพวกนี้ ทำให้เสียเวลาโหลดหน้าเว็บนานเกินไป จะทำให้ไม่เหลือเวลาไปทำอย่างอื่น สุดท้ายเลยตัดสินใจไม่รอ iPhone แล้วเลือกเป็น Android device แทน (เลือกเป็น Google Nexus 5 with KitKat 4.4)

คนที่เป็น power user หลายคน พูดถึง Android ในแง่บวกเยอะมาก แต่หลายคนที่ชินกับระบบ iOS ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยชอบ Android เท่าไหร่ เพราะใช้งานยากกว่าพอสมควร

วันแรกที่เปลี่ยนมาใช้ Android ก็เจอปัญหาเลย ปัญหาใหญ่สุด ก็คือ contacts ไม่ยอมมา ทั้งที่เปลี่ยน contacts ใน iPhone เป็น gmail แล้ว พอเช็คใน gmail ก็ไม่มี contacts มาจริงๆ เพราะยังไม่ได้ sync ผ่าน iTunes

วิธีแก้ คือ ให้เปิด iCloud แล้ว รอมัน sync เข้า iCloud จากนั้นก็ไปที่เว็บ iCloud.com แล้ว export เป็น vCard ออกมา เพื่อเอาไปใส่ใน gmail ผ่านการ import contacts แค่นี้ก็จะได้ contacts ทั้งหมด มาอยู่บนมือถือ Android แล้ว (ตอนเซ็ต contacts บนมือถือ มันจะมีให้เลือก merge contacts ด้วย แล้วก็หาพวก duplicated contacts แบบ auto ซึ่งสะดวกมากๆ)

ปัญหาต่อมา คือ เพลงในมือถือ มีหลายเพลงที่ชอบมาก BPM ลงจังหวะวิ่งแทบทุกเพลง ไปวิ่งทีไรก็เปิด shuffle playlist ตัวนี้ตลอด ไม่อยากต้องเลือกใหม่

วิธีแก้ คือ ให้ใช้โปรแกรม 3rd party ดึงเพลงพวกนี้ มาไว้บน PC ก่อน เสร็จแล้วก็ต่อสาย sync เครื่อง PC กับ Android device เสร็จแล้วมันจะเห็นเป็น folder เลย ให้ลากไปใส่ใน Music folder ก็เป็นอันเสร็จพิธี (เราอาจจะตั้งชื่อ folder เช่น Running ไว้ใน Music folder อีกทีก็ได้ Android มันจะ detect sub folder ให้อัตโนมัติ)

ปัญหาต่อมา คือ อีเมล อันนี้ต้องไล่ตั้งค่าอีเมลทีละอัน บางอันต้องทำ manual มีติดขัดแค่อีเมลบริษัท ที่เวลาตั้งค่า SMTP ต้องชี้ไปที่ port 25 (ถ้าเป็น default port จะตั้งค่าไม่ผ่าน) นอกนั้นไม่เจอปัญหาอะไร

อีกปัญหาก็คือ รูปภาพ กับ วีดีโอ ถ่ายไว้เยอะมาก โอนย้ายมาก็ไม่ดี เพราะมันเยอะ เดี๋ยวเครื่องจะหน่วงเปล่าๆ ตอนแรกใช้วิธี sync ผ่าน dropbox แต่ทำได้แค่ไม่ถึงครึ่ง พื้นที่ก็เกือบเต็มซะแล้ว (ขนาดมี space ตั้งเกือบ 12GB ยังไม่พอใช้เลย) ไม่รู้ทำยังไง จะโหลดลง PC ก็ไม่ดี เพราะ HDD เริ่มเก่าแล้ว ถ้าเสียขึ้นมา รูปหายหมดจะหนักกว่าเดิม ไว้บน cloud น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

ระหว่างที่กำลังคิดว่าจะทำยังไงกับรูปบนมือถือเก่า ก็พอดีไปเซ็ตค่า Google+ แล้วเจอ auto backup photo & video โป๊ะเชะ เลย ตั้งค่าแบบให้มัน backup แบบ original size หรือแบบ optimized size ก็ได้ซะด้วย แบบนี้เหมาะเลย เลยจัดให้มัน auto backup ไปเลยทั้งคืน

ตื่นเช้ามา รูป backup ได้หมด แต่ video มาแค่อันเดียว ที่เหลือโหลดไม่ขึ้น ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร ทำยังไงก็โหลดไม่ได้ เลยต้องอาศัยวิธี manual คือไปโหลด app ชื่อ YouTube Capture ของ Google มาค่อยๆ อัพโหลด video ขึ้น YouTube ทีละอัน แต่อันนี้จะดีกว่า Native อัพโหลดหน่อยตรงที่สามารถ queue uploads ได้พร้อมกันหลายอัน ก็ไม่ต้องคอยดูว่าเสร็จรึเปล่า เซ็ตอัพโหลดไว้หลายๆ อัน แล้วก็ปล่อยมันรันไป

ส่วน Notes กับ Calendars ปกติ sync ผ่าน gmail อยู่แล้ว เลยไม่เจอปัญหาอะไร มาครบหมดตั้งแต่แรก

การย้ายข้อมูลเพื่อ switch จาก iOS เป็น Android ก็เป็นอันเรียบร้อย ที่เหลือเป็นพวกปลีกย่อย ที่ไม่เป็นปัญหามากนัก

Runner. Investor. Father.