ทำอะไร…หลังเกษียณ / Chai Jroong

ได้อ่านบทความนี้เมื่อนานมาแล้ว คุณ Chai Jrong เขียนได้ชัดเจน และตรงไปตรงมา ได้ทั้งความรู้ และแง่คิดในการดำเนินชีวิต เรียกว่าชอบมาก จนต้องเก็บบทความอันนี้เอาไว้ใน FB Group ที่สร้างขึ้นมาไว้ใส่บทความชั้นเยี่ยมโดยเฉพาะ

วันนี้ว่างๆ นั่งอ่านบทความย้อนหลังทีละอัน บังเอิญได้มาอ่านบทความนี้อีกรอบ รู้สึกว่ามีประโยชน์มาก ไม่ควรเก็บไว้อ่านคนเดียว ควรจะให้บทความดีๆ แบบนี้ ได้เข้าถึงคนมากๆ เลยนำมาลงไว้ใน blog เพื่อให้มันได้ทำหน้าที่ของมันอีกเป็นครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ครั้งที่ 4 ไปเรื่อยๆ

บทความนี้ค่อนข้างยาว เพื่อนๆ ที่กำลังจะเข้าสู่วัยเกษียณ (ไม่ว่าช้า/เร็ว) ควรสละเวลาอ่าน จะได้ประโยชน์ยิ่ง หรือหากว่ายังห่างจากวัยเกษียณอีกมาก ยิ่งควรต้องอ่าน มีหลายเรื่องที่การเตรียมรับมือแต่เนิ่นๆ ดีกว่ามารู้เมื่อสาย…

———————————————-

…เจอเพื่อนหลายคน บอกอยากให้เขียนเรื่องควรทำอะไรหลังเกษียณเพื่อเป็นแนวทางให้กับมือใหม่ ในฐานะที่มีประสบการณ์เกษียณมานานที่สุดในรุ่น…ก็ 16 ปีเข้าไปแล้ว เยอะเหมือนกัน…ตั้งใจมานานว่าจะเขียนเรื่องนี้ตอนเพื่อน ๆ ใกล้เกษียณซึ่งเวลานี้ก็เหมาะสม…แต่เมื่อสาระตะอย่างละเอียดแล้วก็บอกตัว เองว่าอย่าเขียนดีกว่า เพราะเขียนไปก็คงเขียนไม่จบ…เคยกำหนดโครงการแรกหลังเกษียณว่าจะเขียน เรื่องประสบการณ์ของผู้บริหารเมื่ออายุยังน้อย จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้เริ่มต้นเลย…หลังเกษียณ แม้จะมีเวลาเยอะ แต่ต้องใช้ไปกับการลอกหัวโขนด้วยตนเองออกทีละชั้น ชั้นแล้วชั้นเล่า เป็นประสบการณ์ที่ท้าทายจนแทบไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น…เห็นบางคนที่ไม่เต็ม ใจให้ลอก เมื่อถึงเวลามันก็ต้องหลุดร่วงไปเองอย่างเจ็บปวด…ตัวผมนั้น จนป่านนี้แล้ว ยังเหลือให้ลอกอีกตั้งหลายชั้น…เรื่องนี้ยกเว้นให้กับคนที่ไม่มีหัวโขนให้ ลอก…แล้วพวกเราล่ะ ใครไม่มีหัวโขนให้ลอก…จริงหรือ

ผม เกริ่นเรื่องเอาไว้อย่างนี้…ก็มีเพื่อนฝูงคะยั้นคะยอให้เขียน…พอมาก ๆ เข้า ก็ใจอ่อน เอ้าเขียนก็เขียน…จบได้หรือไม่ได้ยังไม่รู้…จะขอไล่เรียงทำความเข้าใจ กับการเกษียณก่อน แล้วค่อยมาว่าน่าจะทำอะไร เป็นข้อ ๆ ไป…อย่างนี้นะครับ

หนึ่ง…เมื่อ เกษียณแล้ว…คนที่ไม่ค่อยรู้จัก กลายเป็นคนไม่รู้จัก…ร้อยละ 80 ของคนรู้จัก เลื่อนชั้นกลายเป็นคนไม่ค่อยรู้จัก…ข้อดี ไม่ต้องเสียเวลาไปกับคนอื่น มีเวลาให้ตัวเองและครอบครัวมากขึ้น…ข้อเสีย ไม่มี

สอง…หลังเกษียณ…เมื่อไม่ มีคนขับรถและเลขาส่วนตัวแล้ว…ต้องกลับมาหัดทำอะไรต่อมิอะไรด้วยตัวเองอีก เยอะ…ได้ใช้เวลาที่คิดว่าเหลือมาก ให้เหลือไม่ค่อยมาก…เป็นจุดเริ่มต้นของการลอกหัวโขนชั้นแรก

ก่อนเกษียณ ผมยังกดตู้เอทีเอ็มไม่เป็นเลย…เดี๋ยวนี้เดินเข้าออกแบ้งค์ไปทำรายการเองได้อย่างคล่องปรื๋อ…

นอกจากเป็นคนขับรถแล้ว ยังต้องเป็นพ่อครัว เป็นคนสวน เป็นช่างประจำบ้าน บางครั้งก็ต้องไปจ่ายตลาดเองด้วย

สาม…หลัง เกษียณ…งานสังคมจะน้อยลง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับหน้าที่การงานในอดีต จะได้รับเชิญน้อยลงตามลำดับ จนไม่เหลือเลย…ข้อดี ไม่ต้องเสียเวลาปั้นหน้าต่อคนหมู่มาก ไม่ต้องจ่ายภาษีสังคม ไม่ต้องเปลืองชุดออกงาน มีเวลากินมื้อค่ำกับคนใกล้ชิดมากขึ้น…ข้อเสีย ไม่มี…เป็นการลอกหัวโขนชั้นที่สอง

สี่…หลัง เกษียณ…ถือว่าท่อรายได้ประจำถูกปิดก๊อกแล้ว ให้สำรวจดูว่าทรัพย์ที่สะสมไว้จากการทำงานหรือจากมรดกมีเหลือให้ใช้จ่ายได้ อีกเท่าไหร่…ต้องปรับวิถีชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือมีเท่าไหร่ก็ให้ใช้แบบสมฐานะ ไม่ให้เกินตัว…เพราะตายแล้วยังใช้ไม่หมด ยังดีกว่าใช้หมดแล้วแต่ยังไม่ตาย…เป็นการลอกหัวโขนชั้นที่สาม…ชั้นนี้ ลอกยากหน่อย บางคนได้กลายเป็นความเคยชินถาวรไปซะแล้ว

ห้า…หลัง เกษียณ…จะมีสิ่งที่เคยคิดอยากทำเยอะแยะไปหมด…อย่าละโมบ…ให้เลือกทำที ละอย่าง เอาอันง่าย ๆ ก่อน แล้วจะสำเร็จไปทีละอย่าง…เชื่อเหอะ ว่าสิ่งที่เคยอยากทำ จะได้ทำไม่ถึงหนึ่งในสิบหรอก…เพราะหลังเกษียณ สิ่งแวดล้อมเปลี่ยน คนรอบข้างเปลี่ยน ความคิดก็จะเปลี่ยน พลอยทำให้ความต้องการและเป้าหมายเปลี่ยนไปด้วย…สิ่งที่อยากทำใหม่ ๆ จะเกิดขึ้นและต่างไปจากเดิม…ตอนนี้แหละ จึงเป็นชีวิตจริงที่ไร้หัวโขน

หก…เมื่อ มีวัยมากขึ้น…สิ่งที่มีค่ามากที่สุดคือสุขภาพ เพราะไม่สามารถหาซื้อได้ด้วยเงิน…การออกกำลังกายเป็นประจำ เป็นส่วนสำคัญในการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง…เมื่อเกษียณแล้ว ก็หมดข้ออ้างว่าไม่มีเวลาออกกำลังกาย หากจะอ้างว่าเล่นกีฬาไม่เป็นก็ฟังไม่ขึ้น เพราะคนเราทุกคนเดินและวิ่งเป็นมาตั้งแต่เด็ก…เข้ายิม โยคะ เต้นแอโรบิค ว่ายน้ำ ถีบจักรยาน เดิน วิ่ง หรือแม้แต่แกว่งแขนเฉย ๆ ที่บ้าน ก็เลือกเอา…ทำเพื่อใครต่อใครมามากแล้ว ก็ทำเพื่อตัวเองบ้างเถอะครับ…นั่นคือสิ่งที่ควรทำอันดับแรกหลังเกษียณ

เจ็ด…หลัง เกษียณ…การเดินทางท่องเที่ยว ควรทำอย่างสม่ำเสมอ…เพื่อเปิดหู เปิดตา เปิดใจ และเปิดทัศนะคติใหม่ ๆ เมื่อได้สัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย…จะสร้างความกระตือรือร้นให้ จิตใจ ไม่ให้เหี่ยวเฉากับบรรยากาศเดิม ๆ…ควรเลือกท่องเที่ยวที่ไกล ๆ และลำบาก ๆ เป็นอันดับต้น เพราะยิ่งนานไป ความสามารถในการไปที่ไกลและลำบากจะลดน้อยลง จนถึงไปไม่ได้เลย…การท่องเที่ยวหลังเกษียณ ให้ความรู้สึกที่ต่างจากลาพักร้อนไปเที่ยว แม้เป็นสถานที่เดียวกัน…จะละเมียดกว่า ผ่อนคลายกว่า มีคุณค่ามากกว่า ไม่รีบร้อนและกังวล เพราะกลับมาแล้วไม่ต้องรีบงก ๆ ไปทำงาน

แปด…หลัง เกษียณ…มีโอกาสในการเดินทางท่องเที่ยว ดูและสัมผัสสิ่งที่อยู่นอกตัวออกไป…ขณะเดียวกัน ก็ควรท่องเที่ยวภายในตัวเราด้วย คือการปฏิบัติธรรม…เพื่อสัมผัสกับสิ่งที่ เรามองข้ามมาตั้งแต่จำความได้ จะได้รู้ว่าโลกภายในตัวเราน่าพิศวงและลึกล้ำเพียงใด…และเป็นการให้โอกาส แก่เราเอง คือเพิ่มทางเลือกว่าเมื่อได้รู้แล้วจะเลือกดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไรจน จบ…เกิดมาชาตินี้ได้พบพระพุทธศาสนา ก็อย่าให้เสียชาติที่ได้เกิดมาเลยนะครับ

เก้า…หลัง เกษียณ…ไปที่ชอบที่ชอบกันเถิดครับ…คนเราแต่ละคนมีที่ชอบไม่เหมือนกัน ต่างกันตามจริตและจิตเบื้องลึก…เมื่อเกษียณแล้ว ไม่มีหัวโขนแล้ว ไม่มีกรอบจำกัดทางสังคมแล้ว ชอบทางไหนก็ให้ไปทางนั้นกันเอง โดยไม่ต้องรอเพื่อน ไม่ต้องรอโอกาสและเหตุผล…และไม่ต้องรอให้ลูกหลานมาเคาะโลงเตือนว่าให้ไป ที่ชอบที่ชอบเอาตอนที่ไปไม่ได้แล้ว

สิบ…หลัง เกษียณ…เล่นเกมให้มากหน่อย…อย่าไปหาว่าเป็นของเล่นเด็ก ๆ เพราะก็ใช่จริง ๆ…เกษียณแล้ว ไม่มีหัวโขนให้ดำรงภาพลักษณ์แล้ว เติมชีวิตของเด็กให้ตัวเองบ้าง จะได้สดใสกระตือรือร้น ไม่เหี่ยวเฉาแห้งคาตอ…เกมช่วยให้คนวัยนี้กระฉับกระเฉง ได้ฝึกประสาทสัมผัส สายตา สมองและกล้ามเนื้อให้ทำงาน แถมความตื่นเต้นให้หัวใจสูบฉีดอีกด้วย…เดี๋ยวนี้เล่นเกมได้ง่าย มือถือก็มีเกมเยอะแยะ หรือลงทุนกับไอแพดซักตัว จะมีอะไรต่อมิอะไรให้เล่นอีกมาก…แก่แล้ว มาเล่นเกมกันเถอะ

สิบเอ็ด…หลัง เกษียณ…ให้เขียนบันทึกทุกวัน…จะเรียกว่าไดอารี่ หรือบันทึกความทรงจำ หรือคำพร่ำเพ้อ หรืออะไรก็ได้…แต่ให้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเมื่อวานเท่านั้น…จะเขียนใน คอมพิวเตอร์ ในไอแพ็ด สมุด หรือกระดาษก็แล้วแต่ถนัด…เขียนแค่สองบรรทัด หรือหนึ่งหน้า A4 ก็ไม่ว่ากัน เพราะนาน ๆ เข้า มันจะปรับทั้งความยาว เนื้อหา และสำนวนเป็นของตนเอง…ไม่มีอะไรจะเขียน แค่เขียนว่าวันนี้กินข้าวกับอะไรก็ยังดี…สิ่งที่ได้จากการเขียน… หนึ่ง…ได้ฝึกทักษะการเขียนให้ดีขึ้นจากการเขียนทุกวัน…คนที่ไม่ค่อยอยาก เขียนใน FB เพราะเขียนแล้วตัวเองอ่านเองยังบอกว่าไม่ได้เรื่อง ควรลองทำตามที่ว่านี้ด่วน…สอง…มีบันทึกให้ตรวจสอบย้อนหลังว่าได้ทำอะไร ไปแล้วมั่ง…เชื่อเหอะ อายุปูนนี้แล้ว รับรองว่าได้พลิกกลับไปตรวจสอบบ่อย ๆ แน่…สาม…อันนี้สำคัญ…เป็นเครื่องวัดคุณภาพชีวิตหลังเกษียณ…เมื่อ ไหร่ที่ยังมีเรื่องราวให้เขียนมากมาย ถือว่ายังสอบผ่าน…แต่ถ้าเมื่อไหร่เขียนได้แค่สองคำว่า “เหมือนเดิม”…อันนี้อาการน่าเป็นห่วง แปลว่าชีวิตหลังเกษียณคุณภาพตกต่ำจนถึงพื้นแล้ว…ต้องพิจารณาเปลี่ยนแปลง ตัวเองอย่างเร่งด่วน ก่อนที่จะสายเกินไปจนแก้ไม่ได้

สิบสอง…หลัง เกษียณ…ไปนวดบ่อย ๆ…คนวัยเกษียณเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อจะแข็งตึง ขาดความยืดหยุ่นไม่เหมือนสมัยหนุ่มสาว…เป็นสาเหตุให้ปวดเมื่อย ก้มทีก็โอย ลุกทีก็โอย…ออกกำลังกายก็เป็น ทำสวนก็เป็น เล่นเกมก็เป็น แม้แต่นั่ง ๆ นอน ๆ ดูทีวีก็ยังเป็น…การนวดช่วยให้ดีขึ้น นวดแผนไทยช่วยยืดเส้น นวดน้ำมันช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ…ตอนกำลังนวด จะเจ็บ ๆ มัน ๆ นวดเสร็จแล้วสบายตัว…จะนวดที่ไหนก็ได้ ร้านนวดแผนโบราณเอย สปาทั้งหลายที่เห็นอยู่เกลื่อนเมืองเอย หรือจะว่ามาให้นวดที่บ้านก็ไม่ผิดกติกา…ข้อสำคัญ สถานทีต้องถูกอุปนิสัยและต้องมีหมอนวดประจำตัว…เพราะแต่ละที่บรรยากาศและ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างกัน หมอนวดแต่ละคนก็มีลีลาลูกเล่นไม่เหมือนกัน…แรก ๆ ให้เปลี่ยนสถานที่และคนนวดไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเจอที่โดน ประเภทที่ไม่ต้องบอก แค่แตะตัวก็รู้แล้วว่าวันนี้ควรจะเน้นนวดตรงไหน…เมื่อถูกใจ ก็ผูกปีนวดกันไปเลย….สำหรับพวกผู้ชายที่ชอบนวดแผนปัจจุบันตั้งแต่หนุ่ม เรื่อยมา ซึ่งก็ไม่ได้ชอบเพราะการนวดหรอก แต่ชอบของแถมมากกว่า ให้ลองมานวดแผนไทยและนวดน้ำมันที่ผมว่าดูมั่ง…จะได้อรรถรสมากกว่า และเบาสบายตัวกว่าจริง ๆ…ถ้าไม่รักกัน ไม่บอกนะเนี่ย

สิบสาม…หลัง เกษียณ…ตรวจสอบตัวเองว่ารู้สึกหมดคุณค่าหรือรู้สึกเป็นอิสระ…ถ้าคุณ รู้สึกเป็นอิสระ ก็ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะคุณจะได้เริ่มโบยบินไปสู่โลกกว้างโดยไม่มีข้อจำกัดและไร้แรงถ่วงใด ๆ…ทำงานทั้งชีวิตก็เพื่อมาถึงตรงนี้ไม่ใช่หรือ…แต่ถ้ารู้สึกหมดคุณค่า ก็ต้องขอแสดงความเสียใจด้วย เพราะคุณถูกจัดชั้นให้เป็นทาสที่ถูกปลดปล่อยแล้วไม่ยอมไป…ยังคุ้นและชิน กับพันธนาการที่ผูกมัดรัดตัวมาตั้งแต่เริ่มทำงาน…เปิดตาให้สว่าง มองรอบตัวให้กว้างและไกลออกไปเถอะครับ…ความอิสระไม่ได้น่ากลัวและลำบาก อย่างที่คิดหรอก

สิบสี่…หลัง เกษียณ…อย่าเล่นหุ้น…คำเตือนสำหรับคนที่เพิ่งคิดมาหัดเล่นหุ้นเอาตอน เกษียณ…ฟังเหตุผลแล้ว มันฟังไม่ขึ้นด้วยประการทั้งพวง…เพราะ….ว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ @ มีอีกเยอะเลยแหละที่น่าทำกว่าการนั่งเฝ้าจอทั้งวัน….อยากมีรายได้เพิ่ม @ เขาเตือนเสมอว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน” เกษียณแล้วจะไปเสี่ยงทำไม ปรับตัวเองให้เหมาะกับเงินที่มีอยู่ไม่ง่ายกว่าหรือ….อยากศึกษาเรื่องหุ้น @ ช้าไปแล้วต๋อย ศึกษาเรื่องธรรมะในวัยนี้ให้ประโยชน์มากกว่า….เพื่อนชวน @ เออ ก็โง่เชื่อเพื่อนนะ อายุปูนนี้คิดเองไม่เป็น….เห็นคนอื่นรวยเพราะเล่นหุ้น @ แล้วเคยเห็นสภาพของคนที่จนเพราะเล่นหุ้นไหม….อยากตื่นเต้น เร้าใจ @ มีอีกหลายอย่างให้เลือกทำที่ทั้งเสียวทั้งมันกว่าการเล่นหุ้นโดยไม่ต้อง เสี่ยง….สมัยนี้ใคร ๆ ก็เล่น เดี๋ยวตกเทรนด์ @ ให้เป็นเรื่องของคนในวัยทำงานเขาเถอะลุง อยากทันสมัยก็มาหัดเล่น FB เล่น Line หรือเล่นเกมดีกว่า ไม่เครียด แถมเข้าสมัยและมีคนเล่นเยอะกว่าด้วย….ฯลฯลฯลฯ

สิบห้า…หลัง เกษียณ…ถ้าลองทำอะไรแล้วไม่สำเร็จ ให้รีบเลิก….เวลามันเหลือน้อย เลือกทำอย่างอื่นในคิวต่อไปดีกว่า ….เกษียณแล้ว ไม่ต้องการความก้าวหน้าในหน้าที่การงานแล้ว จึงไม่ต้องฝึกวินัย ไม่ต้องฝึกความอดทนให้เป็นพื้นฐาน เพราะจนป่านนี้ถ้ายังไม่มี ก็คงฝึกไม่ทันแล้ว…สิ่งที่ได้ลองทำก็เพราะอยากทำ เมื่อได้ทำแล้วจะสำเร็จหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ…อย่าทู่ซี้ อย่ามีอัตตา ให้ยอมรับว่าเรื่องบางเรื่องเหมาะกับคนบางคนที่มีพรสวรรค์ เช่น อยากเล่นดนตรีให้เพราะ แต่จับบันไดเสียงไม่ได้ เคาะจังหวะไม่เป็น ก็ไปได้ไม่ไกล…คนวัยนี้ ลองเล่นอะไรแล้วไปไม่รอด…ไม่เสียหน้าหรอกครับ

สิบหก…หลัง เกษียณ…อย่าคิดเลี้ยงหลานเป็นงานหลัก…เพราะสิทธิและหน้าที่เป็นของพ่อ แม่เขา ส่วนเราได้ใช้สิทธิและทำหน้าที่ไปแล้ว…แล้วก็อย่าคิดเชียวว่า เคยเลี้ยง ลูกมาหลายคน เลี้ยงหลานอีกซักคนสองคน จะเป็นไรไป…ลองนึกดูว่าตอนเลี้ยงลูกอายุเท่าไหร่ ตอนนี้อายุเท่าไหร่…ตอนนั้นก็แทบแย่ ตอนนี้จะไหวหรือ…ที่สำคัญ ความคิดและแนวทางการเลี้ยงลูกของคนแต่ละรุ่นไม่เหมือนกัน เดี๋ยวเกิดขัดแย้งสร้างปัญหาระหว่างรุ่นขึ้นในครอบครัว กลายเป็นละครน้ำเน่าไปเปล่า ๆ…เอาแค่หยิบฉวยมาครองเพื่อชื่นชมบ้างเป็นครั้งคราว…เล่นบทปู่ย่าตายาย ใจดีตามใจหลาน ให้พ่อแม่เขาหงุดหงิดเล่น…เป็นสุขกว่าเยอะ

สิบเจ็ด…หลัง เกษียณ…ทำทุกวันให้เป็นวันพิเศษ…เมื่อได้ปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจาก หน้าที่ ความรับผิดชอบ ภาระและหัวโขนแล้ว จะหายใจทิ้งนิ่งเฉยอยู่ทำไม ควรทำตัวกระตือรือร้นให้ชีวิตมีความหมายเหมือนได้พักร้อนตอนทำงาน…จำไว้ ว่าเวลาเหลือน้อยแล้ว ถ้านับ 60 ถึง 80 ก็เหลือแค่ 7,300 วัน….มีเงิน 7,300 บาทในกระเป๋า ตื่นมาต้องหยอดมิเตอร์ชีวิตวันละบาท ใช้งานหรือไม่ก็วันละบาท แป๊บเดียวก็หมด…บางคนมิเตอร์เสีย ใช้งานไม่ครบ 80 ยิ่งเหลือน้อยเข้าไปใหญ่…จงใช้ทุกบาทที่เหลือให้คุ้มค่า ทุกวันที่เหลือให้มีความหมายเถิดครับ

สิบแปด…หลัง เกษียณ…พึงยอมรับเสมอว่าหนึ่งวันยังมี 24 ชั่วโมงเหมือนเดิม เที่ยงแท้และแน่นอน…คนที่รู้สึกว่ามันยาวนานเกินไป อยากให้เหลือน้อยกว่านี้ เพราะไม่รู้จะทำอะไร…จัดอยู่ในพวกหายใจทิ้ง น่าเป็นห่วง เพราะไม่มีความสุข ทิ้งไปนาน ๆ จะเครียดสะสมถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้าได้…คิดใหม่ทำใหม่เถอะครับ คิดไม่ออกลองกลับไปอ่านที่ผมเขียนมาตั้งแต่ข้อ 1 อีกซักรอบก็ยังดี…แต่บางคนกลับคิดว่า มันสั้นไปหน่อย แป๊บ ๆ ยังไม่ทันทำอะไรก็หมดวันแล้ว ถ้ามีวันละ 30 ชั่วโมงก็จะดี…พวกนี้ก็กระดี๊กระด๊า มีความสุขกับการเกษียณเกินไป…ขอให้ลดกิจกรรมลงบ้างเถอะ พ่อคุณ

สิบเก้า…หลัง เกษียณ…ติดตามข่าวสารบ้านเมืองให้น้อยลง รับรู้เรื่องราวของเทคโนโลยีให้มากขึ้น…เมื่อไม่ต้องใช้ข้อมูลเพื่อการ ตัดสินใจในการงาน จะหมกมุ่นอยู่กับข่าวสารบ้านเมืองทุกนาทีให้เกิดความเครียด และสะสมอารมณ์อันไม่พึงประสงค์ทำไม คนถึงวัยนี้แล้ว คิดจะทำอะไร ก็ทำไม่ได้มากหรอก…มาสนใจเรื่องราวของเทคโนโลยีและวิถีการใช้ชีวิตของคน รุ่นใหม่ดีกว่า เพราะมีแต่เรื่องตื่นตาตื่นใจให้ทึ่ง สร้างสีสันให้กับชีวิตที่กำลังเหี่ยวเฉา…จะลองใช้อุปกรณ์ใหม่ ๆ ที่ออกมาเกือบทุกวันดู หรือลองใช้สินค้าตระกูลไอเพื่อให้รู้ว่าโลกกำลังไปในทิศทางไหน หรือจะเข้าไปอยู่ในโซเชียลเน็ทเวิร์คทั้งหลายก็ไม่มีใครห้ามเพราะไม่ได้ จำกัดอายุ…อ้อ..ข้อสำคัญ เวลาเข้าไปแล้วอย่างลืมศึกษา กฎ กติกา มารยาท ของแต่ละที่แล้วปรับตัวปรับใจปรับความคิดให้เข้ากับเขาด้วยนะ…จะได้ไม่เชย ไม่ถูกค่อนขอดว่าเป็นเต่าล้านปี

ยิ่สิบ…หลัง เกษียณ…จริงจังกับงานอดิเรกให้มากขึ้น…งานอดิเรกที่ทำมาจนถึงวัยเกษียณ ย่อมเป็นสิ่งที่ชอบ เพลิดเพลินและมีความสุขที่ได้ทำ…มีเวลาแล้ว ควรยกระดับให้เข้มข้น ลึกซึ้ง แม้จะหมกมุ่นมากหน่อยก็ไม่เป็นไร…จะไปจนถึงขั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญ หรือมืออาชีพก็ไม่เสียหาย…แต่ห้ามทำเป็นอาชีพเด็ดขาด เพราะจะกลับเข้าสู่วังวนของคนทำงาน…หมดสภาพการเกษียณในวัยนี้ มันไม่สนุก นะครับ

ยี่สิบเอ็ด…หลังเกษียณ… พูดให้น้อย ฟังให้มาก…เกษียณแล้ว ที่ต้องสั่ง ต้องสอน ต้องชี้นำคนอื่น ก็เป็นเพียงอดีต…เมื่อไม่มีคนให้สั่ง สอน ชี้นำ การพูดเยอะ ๆ จึงไม่จำเป็น…เปลี่ยนบทมาเป็นคนฟังมั่งเหอะ ฟังแล้วคิด ตอบโต้ให้ช้า หัวเราะให้มาก…อยากใช้ปากอย่างที่เคยก็ให้ไปหัดร้องเพลงแทน เพราะมันไม่ทำร้ายจิตใจใคร…เมื่อคิดแล้วค่อยพูด ความผิดพลาดให้เสียใจภายหลังจะลด มิตรภาพมากขึ้น ชีวิตหลังเกษียณจึงสุขสงบ

ยี่สิบสอง…หลัง เกษียณ…ฝึกใจให้ชินกับการแพ้…ต้องยอมรับว่าวัยนี้ของชีวิตเป็นช่วงขา ลง…ขาดเป้าหมาย ไร้แรงฮึดที่จะเอาชนะ…การพ่ายแพ้จึงเกิดได้บ่อยเป็นธรรมดา…แน่ ๆ คือแพ้สังขาร อันเป็นสาเหตุหลักให้แพ้เรื่องอื่น ๆ ด้วย…ที่เคยทำได้ ก็ทำไม่ได้…ที่เคยแม่นยำ ฉับไว กลายเป็นเบ๊อะบ๊ะ งกเงิ่น…หลงลืมจนอยากเขกหัวตัวเองวันละหลายหน…โรคภัยไข้เจ็บก็มาเยือน กันจัง…การฝึกให้ชินกับการแพ้ เป็นทางแก้ที่หมดจด สู้ไม่ได้ก็เอาเป็นพวกเสียเลย…ผมยังจำที่หลวงพ่อปัญญา วัดชลประทานฯ เคยเทศน์สอนเรื่องนี้เมื่อสิบกว่าปีก่อนได้ว่า…เมื่อโรคภัยไข้ชรามาเยือน ก็อย่าสัดส่ายดิ้นรนเป็นทุกข์เลย ให้ต้อนรับเขามาอยู่ด้วยอย่างเป็นมิตรเถอะ ทักทายด้วยว่า…อ้าว มาแล้วหรือ นี่รออยู่นะ

ยี่สิบสาม…หลัง เกษียณ…จัดบ้านให้น่าอยู่…เมื่อไม่มีที่ทำงานให้สิงสถิต บ้านก็กลายเป็นสถานพักพิงหลัก…การจัดบ้านให้เป็นวิมานของเรา เป็นภารกิจต้น ๆ ที่ควรทำอย่างยิ่งยวด…ที่สึกหรอเสียหาย ให้ซ่อมแซมแก้ไข จะซ่อมใหญ่ ซ่อมเล็ก ก็ว่ากันไป…ที่ขาดตกบกพร่อง ก็เพิ่มเติมเสริมแต่งให้เต็ม ให้สว่างไสวมีชีวิตชีวา…ที่รกล้นเกินความจำเป็น ก็กำจัดตัดทิ้งให้เหลือแค่พอเหมาะ…อันหลังนี่ยากหน่อย คนมักก้าวไม่พ้นเส้นเสียดาย ทำใจทิ้งสัมภารกที่สะสมมานานไม่ได้…ให้คิดเสียใหม่ว่า ถ้าเขาเป็นประโยชน์กับคนอื่นมากกว่า ก็ตัดใจปล่อยเขาไปเถอะ…ขอแนะให้ใช้เกณฑ์ 6 เดือนตัดสิน…ถ้าพิจารณาเห็นว่าใน 6 เดือน ฉันคงไม่ได้ใช้เธอแน่ เธอก็ควรไปอยู่กับคนอื่นได้แล้ว…คืนที่ว่างอันมีค่าให้ฉันไปทำอย่างอื่น เถอะ…เวลาฉันเหลือน้อย

ยี่สิบสี่…หลัง เกษียณ…เปลี่ยนวันเวลาทำกิจกรรม…เกษียณแล้ว อยู่นอกกรอบกำหนดของเวลาแล้ว…มีอิสระที่จะเลือกวันและเวลาตามใจชอบ… แล้วจะไปแออัด ยัดเยียด เบียดเสียด แย่งชิงทรัพยากรกับคนที่ยังไม่เกษียณซึ่งเป็นคนหมู่มากทำไม…จะทำกิจกรรม นอกบ้าน ให้เลือกเวลาที่ปลอดโปร่ง โล่งสะดวก หลีกเลี่ยงการจราจรแออัด หรือความโกลาหลของคนหมู่มากสิครับ…เช่น…ออกไปกินมื้อกลางวัน 11 โมง มื้อค่ำ 6 โมงเย็น…ดูหนัง ช้อปปิ้ง บ่ายวันธรรมดา…เดินทางท่องเที่ยวจันทร์ถึงศุกร์แทนวันหยุดยาว…อย่างนี้ เป็นต้น…ในช่วงคนเยอะ ๆ รถติดมาก ๆ ก็เลือกอยู่กับบ้านให้สำราญใจ…แต่ข้อนี้ ยกเว้นสำหรับคนขี้เหงา ที่ชอบความครึกครื้น จอแจ…ก็ตามสะดวกเถอะครับท่าน”

ยี่สิบห้า…หลัง เกษียณ…ให้เวลากับครอบครัว…หมดหน้าที่การงานแล้ว อย่าเพิ่งหลงระเริงกับเวลาที่ได้มาใหม่ให้หมดไปกับกิจกรรมสาระพันของ ตัว…หันไปมองคนรอบข้าง ที่หวังว่าเมื่อเราเกษียณ จะแบ่งเวลาให้กับเขาบ้าง…ข้ออ้างว่างานกำลังยุ่ง ใช้ไม่ได้อีกต่อไป…จงรีบใช้เวลาร่วมกับพวกเขาเสียเถิดในขณะที่เรามีเวลา ให้เขา ก่อนที่พวกเขาจะไม่มีเวลาให้เรา…จะทำอะไรร่วมกันก็ทำไป คุณค่าไม่ได้อยู่ที่ทำอะไร แต่อยู่ที่ได้ร่วมกันทำต่างหาก

ยี่สิบหก…หลัง เกษียณ…อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น…เมื่อเกษียณ เกมก็จบ การแข่งขันสิ้นสุด ไม่ต้องไขว่คว้าหาดวงดาวกันแล้ว…แรงบันดาลใจและการกระตุ้นให้ฮึกเหิมก็ไม่ จำเป็นอีกต่อไป…การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นเอาตอนนี้ ไม่ว่ากับที่เหนือกว่าหรือด้อยกว่า ล้วนไม่เป็นผลดีต่อจิต รังแต่จะสะสมกิเลสทั้ง โลภ โกรธ หลง ให้เพิ่มขึ้น…มาถึงจุดนี้แล้ว ต้องยอมรับผลงานของตัวเองไม่ว่าจะพอใจหรือ ไม่ก็ตาม เพราะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้มากแล้ว…มีความสุขกับมันเถอะครับ…จะเล่นเกม ใหม่ ก็ต้องเป็นชาติหน้าโน่น

ยี่สิบเจ็ด…หลัง เกษียณ…หมั่นเจริญมรณสติ ให้ระลึกถึงความตายสบายนัก…เพราะคืนนี้หลับไปแล้ว ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้หรือชาติหน้าจะมาก่อน…ถ้าเจริญสติอย่างถูกวิธี ไม่เพียง เตือนตนว่าต้องตายไม่ช้าก็เร็ว หากยังถามตนเองอยู่เสมอว่าพร้อมจะตายหรือยังหากหมดลมวันนี้…ทำให้ตระหนัก ว่าชีวิตและเวลาแต่ละนาทีที่ยังเหลืออยู่นั้นมีคุณค่าอย่างยิ่ง ไม่ควรใช้ชีวิตอย่างไร้ค่า หรือปล่อยเวลาทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์…เป็นการกระตุ้นให้เราจัดลำดับความ สำคัญของสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตใหม่หมด…จะได้จัดการสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องทำให้แล้วเสร็จโดยเร็ว…ข้อนี้ผมไม่ได้คิดครับ…พระไพศาล วิสาโล ท่านเขียน…สาธุ สาธุ สาธุ

ความจริงยังไม่หมดนะ ครับ…แต่จะจบแค่นี้ก็ได้…ช่วงนี้ไม่มีเวลาคิดข้อใหม่ ๆ เพิ่ม เพราะมัวแต่ติดอยู่กับข้อเจ็ดและข้อสิบอยู่หลายเดือนแล้ว จนไม่มีเวลาไปทำข้ออื่น…เดี๋ยวช่วงไหนปลอดโปร่งโล่งสะดวก จะมาเพิ่มเติมให้เต็ม

Runner. Investor. Father.