เงินลงทุนที่สูญเปล่า กับสิ่งที่เสียไป อย่างไม่หวนกลับ

ไม่กี่วันก่อนเป็นวันครบรอบแต่งงาน เลยได้ย้อนกลับไปดูรูปวันแต่งงานที่ Google Photos โชว์ขึ้นมาใน memories’ feed

มีรูปนึงที่ดูแล้วสงสัยมาก คือ รูปสินสอด

เท่าที่จำได้คือตอนสู่ขอ ตั้งใจว่าจะให้สินสอดเป็นเงินสด 200,000 บาท แต่พอดูในรูป กลายเป็น 400,000 บาท คือมีอีก 200,000 บาท (ที่เป็นแบงค์พัน) วางทับอยู่บนสินสอดเดิม

ถามแอนภายหลังถึงรู้ว่าทางยาย (แม่แอน) ไม่อยากให้สินสอดดูน้อยเกินไป จึงนำเงินส่วนตัวมาวางเพิ่มให้อีก 200,000 บาท แล้วอ้างว่าอยากให้ครบ 400,000 บาท เพราะเลข 4 เป็นเลขมงคล ทั้งที่จริงๆ เลข 4 เป็นเลขค่อนข้างไม่ดี เพราะออกเสียง “ซี้” ที่แปลว่า “ตาย” ในภาษาจีน

หลังจากจบพิธีการ แม่แอนก็ยังยกเงินก้อนนี้ให้ เพื่อนำไปใช้เป็นทุนตั้งตัว แต่ตอนนั้นไม่แน่ใจว่าทำไมจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลย

จนมาช่วงพิธีจัดเลี้ยงตอนเย็น มันจะมีกล่องใส่ซอง ที่จำได้ว่าช่วยกันนับซอง หลังจบงาน นับได้ประมาณ 200,000 บาท บวก/ลบ นิดหน่อย ซึ่งเหตุการณ์นี้จำได้แม่น เพราะเงินก้อนนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง ทั้งการเริ่มทำ Thanni.com และการเริ่มต้นลงทุนในตลาดหุ้น ไปพร้อมๆ กัน

ด้วยจำไม่ได้ว่าเงินสินสอดช่วงเช้า 400,000 บาท หายไปไหน เลยเดินไปถามแอน แอนถามกลับว่าทำไมจะจำไม่ได้ ก็เอาเงินก้อนนี้ ไปลงทุนทำสวนยางกับเพื่อน แล้วเพื่อนก็หายไปพร้อมกับเงินก้อนนั้น กลับมาอีกที ก็อ้างว่าสวนยางถูกไฟไหม้ ต้องย้ายพื้นที่ปลูก

หลังจากได้ฟัง ก็จำได้ทันที ว่าเงินสินสอดที่ยายมอบให้ เพื่อตั้งต้นชีวิตครอบครัว หายไปไหน

ไม่ได้รู้สึกโกรธ เกลียดใครจากเหตุการณ์นี้ ความรู้สึกเดียวที่มีคือ เสียดายวันคืนที่ดีๆ ที่ผ่านมา

ที่แปลกคือ แอนไม่เคยกล่าวโทษความผิดพลาดครั้งนี้ ที่ทำให้สูญเสียเงินเริ่มต้นก้อนแรกของครอบครัว

จริงๆ ยังมีอีกหลายครั้ง หลายครา ที่นำเงินส่วนใหญ่ที่เก็บออมได้ ไปให้/ไปใช้ อย่างผิดๆ และทำให้ครอบครัวเหมือนต้องกลับมานับหนึ่งกันใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

บางอย่างอาจสูญเสีย แต่ที่ได้กลับมา คือ บทเรียน

Runner. Investor. Father.