เกิด แก่ เจ็บ ตาย

อาม่า (ยาย) ที่เคยเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กๆ พอเข้า กทม. เพื่อมาเรียนต่อ ก็ไม่ค่อยได้เจอ จนโตมาถึงมีพอได้เจอบ้าง

พอไปเรียนต่อ ก็ไม่ได้เจออาม่าเลย เจออีกทีอาม่าแก่ตัวลงไปมาก ผมขาว ผิวแห้งเหี่ยว หลังงอ เดินเหินช้า แต่อาม่าก็ยังถือว่าแข็งแรงกว่าคนวัยเดียวกันมาก เพราะแกชอบเดิน ชอบทำอะไรโน่นนี่ตลอดเวลา บางทีก็ลุกๆ นั่งๆ ปลูกพริก ปลูกผัก ไปเรื่อย (คนแก่ปกตินั่งยองๆ จะลุกไม่ขึ้น)

เมษา ปี 2018 พวกเรายังไปเป่าเค้กอวยพรวันเกิดให้อาม่าถึงที่บ้าน (เมืองกาญจน์) ทุกคนให้อั่งเปาอาม่าคนละซอง สองซอง อาม่ายิ้มแย้ม มีความสุข

พฤษภา ปี 2018 เดือนแห่งความมืดมิด เทียนชีวิตอาม่าด้บลง อาม่าที่พวกเรารัก จากไปไม่มีวันหวนกลับ อาม่าจากไปอย่างกะทันหัน ไม่มีใครตั้งตัวทัน

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะใช้เวลาก้บอาม่าให้มากกว่านี้…

หลังจากนั้นไม่นาน อาม่าที่กรุงเทพฯ (ย่า) ก็ล้มป่วยลง จากที่เข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลทุก 1-2 เดือน ก็กลายเป็นเข้าออกทุก 1-2 อาทิตย์ และไม่นานก็เริ่มติดเตียง เดินเหินไม่ได้เหมือนก่อน ต้องจ้างพยาบาลดูแล 24/7

ย้อนกลับไปเดือนเมษา ปี 2018 ก่อนจัดงานวันเกิดให้อาม่า น้องสาวคนโต (อ้อ) แต่งงาน ญาติทุกคนมาร่วมอวยพร เหล่ากู๋ (ลูกชายคนโตอาม่า) ก็มาด้วย เหล่ากู๋มีศักดิ์เป็นพี่ชายคนโตของแม่ และของตระกูล เหล่ากู๋พูดน้อย ทำมาก ทุกคนรักใคร่

ในงานทุกคนสนุกสนาน ร่าเริง ร่วมกินดื่มฉลองงานมงคลสมรส

จู่ๆ มีเสียงดังตึง… ทุกคนหันมองรอบตัว เหล่ากู๋ล้มหงาย นอนอยู่ที่พื้น หน้าเหล่ากู๋บิดเบี้ยว ผิดรูป โชคดีลูกอี๊ที่เป็นหมอ พอมีความรู้ รีบปฐมพยาบาล พร้อมโทรเรียกรถพยาบาลสายด่วนทันที

เหล่ากู๋ถูกส่งตัวไป รพ. ที่ใกล้ที่สุด หมอว่าเส้นเลือดในสมองแตก หมอใช้เวลารักษาอยู่นานมาก และเหล่ากู๋ไม่มีอาการตอบสนองเลยอยู่หลาย ชม.

วันที่หมอให้เข้าเยี่ยมได้วันแรก เหล่ากู๋ไม่พูดแม้แต่คำเดียว นอนน้ำตาไหลตลอดเวลา…

หลายวันผ่านไป หมอเริ่มสอนให้ทำกายภาพบำบัด ทีแรกคิดว่าเพื่อให้ร่างกายฟื้นฟู แต่มารู้ภายหลังว่าเหล่ากู๋ขยับร่างกายซีกขวาไม่ได้แล้ว แต่ก็ต้องทำกายภาพเพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อสลายไป

ออกจาก รพ. เหล่ากู๋ซูบผอม กล้ามเนื้อซีกขวาลีบจนติดกระดูก พวกเราช่วยกันทำกายภาพให้เหล่ากู๋ พาเหล่ากู๋เดินโดยใช้แรงของตัวเอง ร่วมกับไม้เท้าบ้าง รถเข็นบ้าง โดยที่เราพันผ้ารอบใต้แขน พร้อมจับผ้ายื้อสูง เพื่อประคองไม่ให้เหล่ากู๋ล้มลงระหว่างก้าวขาแต่ละก้าว

เหล่ากู๋ทำกายภาพครั้งละ 30 นาที วันละ 3-5 ครั้ง ทุกคนสลับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน เหล่ากู๋ดีขึ้นบ้าง กล้ามเนื้อไม่สลายจนลีบเหมือนช่วงแรกๆ แต่แขนขาก็ยังใช้งานไม่ได้เหมือนเดิม คงต้องใช้เวลา และปาฏิหาริย์ เพื่อให้เหล่ากู๋กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติ

ผ่านไปอีกไม่กี่เดือน ก็ได้รับข่าวร้ายอีกครั้ง… เหล่ากิ๋ม เมียเหล่ากู๋ เป็นลม ล้มหน้าฟุบไปกับพื้นโคลนนอกบ้าน ด้วยเหล่ากู๋ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เลยไม่รู้ว่าเหล่ากิ๋มออกจากบ้านไปไหน กว่าที่คนแถวนั้นจะรู้ เหล่ากิ๋มก็เสียชีวิตไปแล้ว

ปลายปี 2018 ป้าทุมที่ล้มป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ (เป็นอัลไซเมอร์หลังพ่อแอน แต่อาการทรุดเร็วกว่ามาก) หลังจากอาการทรุด ก็เริ่มติดเตียง จนเกิดแผลกดทับ และสุดท้ายติดเชื้อในกระแสเลือด หลัง admit เข้า รพ. ได้ไม่นาน ป้าทุมก็จากไปอย่างสงบ

ชีวิตช่วงนั้น ไม่ปกติ มึน งง สับสน เหมือนหลงทางไปพักใหญ่ๆ ไม่เข้าสังคม ไม่อยากคุยกับใคร ปลีกตัวมาใช้เวลากับครอบครัว

เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดาก็จริง ทุกคนรู้ แต่ไม่เคยมีใครพร้อมสำหรับมัน

Runner. Investor. Father.